
.
“ชิงชัย ระหว่างเรียนกับงานคุณเลือกอย่างไหน.....???” ประภพ ถามผม หลังจากที่เราทักทายกันเรียบร้อยแล้ว และนั่งลงคนละฟากของโต๊ะนั่งเอนกประสงค์ ที่บริเวณใต้ตึกนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในราวๆต้นปี 2519
เราทั้งสองเป็นสมาชิกของกลุ่มนักศึกษาที่จัดตั้งขึ้นและเรียกตัวเองว่า “สหพันธ์นักศึกษาเสรี” ผู้ริเริ่มและก่อตั้งคือ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล แต่ระยะหลังๆก็ถอยๆออกไปนัยว่าเพื่อให้รุ่นหลังๆขึ้นมารับผิดชอบแทน
.
สหพันธ์นักศึกษาเสรี จัดตั้งขึ้นเพื่อรวมกลุ่มนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัย เพื่อทำงานกับกรรมกรในโรงงานและชาวนาในชนบท ในระยะแรกก็มีการทำงานการเคลื่อนไหวทั้งด้านกว้างและด้านลึกทั้งในเมืองและในชนบทผมเองนั้นรับผิดชอบการทำงานอยู่ใน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ การทำงานที่นั่นก็เป็นการจัดตั้งและขยายการจัดตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย โดยอาศัยการรวมตัวกันคัดค้านการสร้างเขื่อนชีบน เป็นสาระในการให้การศึกษาและปลุกระดมให้เข้าใจปัญหาเฉพาะหน้าของพวกเขา และเมื่อชาวนาได้ลุกขึ้นมากล้าต่อสู้กับอำนาจรัฐในปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว จึงมีการจัดกลุ่มให้การศึกษาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขาจัดตั้งกันเป็นขบวนการชาวนาที่เข้มแข็งเพื่อต่อสู้ทางการเมืองละชนชั้นต่อไป
.
ในปลายปี 2518 เมื่อการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างทั้งสองฝ่าย ซ้ายและขวา สังคมนิยม และเผด็จการ เริ่มเข้มข้นขึ้น การข่มขู่คุกคามจากฝ่ายอำนาจรัฐ และมวลชนจัดตั้งของกองกำลังฝ่ายขวาจัดก็ค่อนข้างแรงขึ้น พวกเราเองซึ่งถูกจัดอยู่ในฝ่ายซ้ายก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้โดยตรง เพราะที่ตั้งของสหพันธ์นักศึกษาเสรีตอนนั้นอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราจะต้องมาประชุมกันแทบจะทุกเดือน เพื่อประชุมร่วมกับสมาชิกที่ทำงานอยู่ในจังหวัดและภูมิภาคอื่นๆ เช่นอุดรธานี พิษณุโลก รวมทั้งกลุ่มที่ทำงานอยู่ตามโรงงาน หลังจากประชุมเสร็จก็จะแยกย้ายกลับไปทำงานที่รับผิดชอบอยู่กันตามปกติต่อไป สำหรับพวกผมก็ต้องกลับเข้าไปทำงานเกาะติดกันอยู่ในหมู่บ้านในอำเภอหนองบัวแดง ชัยภูมิ ดังที่เล่ามาข้างต้น แต่การเข้าหมู่บ้านพวกเราพักหลังๆมักจะถูกดักกลุ้มรุมทำร้ายกันซึ่งหน้าเมื่อลงรถที่ตัวอำเภอ จากบุคคลที่เป็น อส. ซึ่งเป็นกำลังติดอาวุธของทางการในระดับอำเภอในยุคนั้น จนพวกเราไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้อีกเลย
.
ในระยะต้นปี 2519 จึงมีการตัดสินใจถอนกำลังทั้งหมดกลับเข้าเมือง และเตรียมการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ในเขตุป่าเขา ต่อไป ผมทราบว่าสหพันธ์นักศึกษาเสรีได้มีการส่งคนบุกขึ้นไปเจรจากับฝ่ายนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย บริเวณเทือกเขารอยต่อสามจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์และเลย เพื่อให้ส่งคนมานำการต่อสู้ต่อไป เพราะพวกเราทั้งหมดทั้งที่เป็นนักศึกษาและกรรมกร ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตป่าเขาเลยแม้แต่คนเดียว เรื่องนี้ผมมาทราบภายหลังว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจเปิดเขตุการต่อสู้เขตุนี้เป็นพิเศษ โดยส่งกำลังมาเพียงสามคน แต่ให้กำลังส่วนใหญ่ที่จะทำงานต่อไปเป็นกลุ่มสหพันธ์นักศึกษาเสรี ที่ทำงานอยู่เดิมเป็นกำลังสำคัญ และคำถามของคุณประภพ ที่ถามผมนั้นคือภาพต่อขยาย จากการที่สหพันธ์นักศึกษาเสรีได้ตัดสินใจต่อสู้ด้วยอาวุธ ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ที่กล่าวมานั่นเอง
.
“เราต้องการคนจำนวนหนึ่งไปทำงานฝังตัวแบบปิดลับ ในหมู่บ้านรอบภูเขียว ไปอยู่ในหมู่บ้านไม่ต้องเข้าป่า...ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านไปก่อน...!!!” ประภพ กล่าวทิ้งท้าย ด้วยเสียงเข้มๆ
“ก็พวกเราสอนอยู่เสมอ ไม่ใช่เหรอว่า ให้ส่วนตัว ขึ้นกับส่วนรวม” ผมกล่าวตอบไป หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ด้วยน้ำเสียงแบบที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ตกลงว่าคุณเลือกงาน ใช่ใหม..???” ประภพ ถามรุกย้ำ มาอีก เพื่อความมั่นใจ
“ครับ..!!!” ผมย้ำคำตอบเดิม
"เรามีเวลาให้คุณ สองสัปดาห์ เพื่อจัดการเคลียร์เรื่องส่วนตัวทุกอย่าง ให้เรียบร้อย แล้วเรามานัดพบกับอีกครั้ง เพื่อรับมอบภารกิจที่จะต้องทำ" ประภพสรุป
“ชิงชัย ระหว่างเรียนกับงานคุณเลือกอย่างไหน.....???” ประภพ ถามผม หลังจากที่เราทักทายกันเรียบร้อยแล้ว และนั่งลงคนละฟากของโต๊ะนั่งเอนกประสงค์ ที่บริเวณใต้ตึกนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในราวๆต้นปี 2519
เราทั้งสองเป็นสมาชิกของกลุ่มนักศึกษาที่จัดตั้งขึ้นและเรียกตัวเองว่า “สหพันธ์นักศึกษาเสรี” ผู้ริเริ่มและก่อตั้งคือ ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล แต่ระยะหลังๆก็ถอยๆออกไปนัยว่าเพื่อให้รุ่นหลังๆขึ้นมารับผิดชอบแทน
.
สหพันธ์นักศึกษาเสรี จัดตั้งขึ้นเพื่อรวมกลุ่มนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัย เพื่อทำงานกับกรรมกรในโรงงานและชาวนาในชนบท ในระยะแรกก็มีการทำงานการเคลื่อนไหวทั้งด้านกว้างและด้านลึกทั้งในเมืองและในชนบทผมเองนั้นรับผิดชอบการทำงานอยู่ใน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ การทำงานที่นั่นก็เป็นการจัดตั้งและขยายการจัดตั้งสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย โดยอาศัยการรวมตัวกันคัดค้านการสร้างเขื่อนชีบน เป็นสาระในการให้การศึกษาและปลุกระดมให้เข้าใจปัญหาเฉพาะหน้าของพวกเขา และเมื่อชาวนาได้ลุกขึ้นมากล้าต่อสู้กับอำนาจรัฐในปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว จึงมีการจัดกลุ่มให้การศึกษาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขาจัดตั้งกันเป็นขบวนการชาวนาที่เข้มแข็งเพื่อต่อสู้ทางการเมืองละชนชั้นต่อไป
.
ในปลายปี 2518 เมื่อการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างทั้งสองฝ่าย ซ้ายและขวา สังคมนิยม และเผด็จการ เริ่มเข้มข้นขึ้น การข่มขู่คุกคามจากฝ่ายอำนาจรัฐ และมวลชนจัดตั้งของกองกำลังฝ่ายขวาจัดก็ค่อนข้างแรงขึ้น พวกเราเองซึ่งถูกจัดอยู่ในฝ่ายซ้ายก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้โดยตรง เพราะที่ตั้งของสหพันธ์นักศึกษาเสรีตอนนั้นอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราจะต้องมาประชุมกันแทบจะทุกเดือน เพื่อประชุมร่วมกับสมาชิกที่ทำงานอยู่ในจังหวัดและภูมิภาคอื่นๆ เช่นอุดรธานี พิษณุโลก รวมทั้งกลุ่มที่ทำงานอยู่ตามโรงงาน หลังจากประชุมเสร็จก็จะแยกย้ายกลับไปทำงานที่รับผิดชอบอยู่กันตามปกติต่อไป สำหรับพวกผมก็ต้องกลับเข้าไปทำงานเกาะติดกันอยู่ในหมู่บ้านในอำเภอหนองบัวแดง ชัยภูมิ ดังที่เล่ามาข้างต้น แต่การเข้าหมู่บ้านพวกเราพักหลังๆมักจะถูกดักกลุ้มรุมทำร้ายกันซึ่งหน้าเมื่อลงรถที่ตัวอำเภอ จากบุคคลที่เป็น อส. ซึ่งเป็นกำลังติดอาวุธของทางการในระดับอำเภอในยุคนั้น จนพวกเราไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้อีกเลย
.
ในระยะต้นปี 2519 จึงมีการตัดสินใจถอนกำลังทั้งหมดกลับเข้าเมือง และเตรียมการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ในเขตุป่าเขา ต่อไป ผมทราบว่าสหพันธ์นักศึกษาเสรีได้มีการส่งคนบุกขึ้นไปเจรจากับฝ่ายนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย บริเวณเทือกเขารอยต่อสามจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์และเลย เพื่อให้ส่งคนมานำการต่อสู้ต่อไป เพราะพวกเราทั้งหมดทั้งที่เป็นนักศึกษาและกรรมกร ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตป่าเขาเลยแม้แต่คนเดียว เรื่องนี้ผมมาทราบภายหลังว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจเปิดเขตุการต่อสู้เขตุนี้เป็นพิเศษ โดยส่งกำลังมาเพียงสามคน แต่ให้กำลังส่วนใหญ่ที่จะทำงานต่อไปเป็นกลุ่มสหพันธ์นักศึกษาเสรี ที่ทำงานอยู่เดิมเป็นกำลังสำคัญ และคำถามของคุณประภพ ที่ถามผมนั้นคือภาพต่อขยาย จากการที่สหพันธ์นักศึกษาเสรีได้ตัดสินใจต่อสู้ด้วยอาวุธ ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ที่กล่าวมานั่นเอง
.
“เราต้องการคนจำนวนหนึ่งไปทำงานฝังตัวแบบปิดลับ ในหมู่บ้านรอบภูเขียว ไปอยู่ในหมู่บ้านไม่ต้องเข้าป่า...ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านไปก่อน...!!!” ประภพ กล่าวทิ้งท้าย ด้วยเสียงเข้มๆ
“ก็พวกเราสอนอยู่เสมอ ไม่ใช่เหรอว่า ให้ส่วนตัว ขึ้นกับส่วนรวม” ผมกล่าวตอบไป หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ด้วยน้ำเสียงแบบที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ตกลงว่าคุณเลือกงาน ใช่ใหม..???” ประภพ ถามรุกย้ำ มาอีก เพื่อความมั่นใจ
“ครับ..!!!” ผมย้ำคำตอบเดิม
"เรามีเวลาให้คุณ สองสัปดาห์ เพื่อจัดการเคลียร์เรื่องส่วนตัวทุกอย่าง ให้เรียบร้อย แล้วเรามานัดพบกับอีกครั้ง เพื่อรับมอบภารกิจที่จะต้องทำ" ประภพสรุป
.
เรา..ผมและประภพ เด็กหนุ่มสองคนในวัยที่ห่างจากการครบเบญจเพสอีกหลายปี จบการสนทนาลงและแยกย้ายกัน เพียงแค่นั้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อไปรับภาระที่หนักอึ้ง สำหรับเด็กหนุ่มวัยเพียงแค่นั้น ภาระในการต่อสู้เพื่อปฏิวัติประเทศไทย
อยากกอบดาวราวดวงในห้วงฟ้า
เก็บเอามาเรียงร้อยเป็นสร้อยขวัญ
แล้วเก็บแสงแรงกล้าแห่งตาวัน
ล้อมด้วยจันทร์เพ็ญพร่างกลางสายลม
.
บางเหตุการณ์เลยผ่านไม่นานนัก
ยังทอถักใยฝันไม่ทันสม
ปล่อยหัวใจไหวว่างอย่างตรอมตรม
เงียบระงมมาทวนซ้ำ..เหยียบย้ำรอย
.
ผมและเขาและผู้คนอีกจำนวนมาก ได้เข้าร่วมภาระกิจการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ต้องเสียเลือดเนื้อของพี่น้องคนไทยทั้งสองฝ่าย เป็นเวลาต่อมาอีกหลายๆปี เคยมีคนถามผมว่า เมื่อโตขึ้นมาขนาดนี้ หากผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะตัดสินใจแบบนั้นอีกหรือไม่ ผมมักตอบว่าด้วยสถานการณ์แบบนั้น เมืองการปกครองแบบนั้น การคุกคามทำร้ายแบบนั้น ผมคงเลือกตัดสินใจเป็นอย่างอื่นได้ยาก และชีวิตเราทุกคน...บางครั้งการตัดสินใจ เลือกทางเดินชีวิตที่มีผลต่อเนื่องกับชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็มักจะเกิดขึ้นในวัยก่อนเบญจเพส ทั้งนั้น ใช่หรือ..ไม่..???
อยากกอบดาวราวดวงในห้วงฟ้า
เก็บเอามาเรียงร้อยเป็นสร้อยขวัญ
แล้วเก็บแสงแรงกล้าแห่งตาวัน
ล้อมด้วยจันทร์เพ็ญพร่างกลางสายลม
.
บางเหตุการณ์เลยผ่านไม่นานนัก
ยังทอถักใยฝันไม่ทันสม
ปล่อยหัวใจไหวว่างอย่างตรอมตรม
เงียบระงมมาทวนซ้ำ..เหยียบย้ำรอย
.
ผมและเขาและผู้คนอีกจำนวนมาก ได้เข้าร่วมภาระกิจการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ต้องเสียเลือดเนื้อของพี่น้องคนไทยทั้งสองฝ่าย เป็นเวลาต่อมาอีกหลายๆปี เคยมีคนถามผมว่า เมื่อโตขึ้นมาขนาดนี้ หากผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะตัดสินใจแบบนั้นอีกหรือไม่ ผมมักตอบว่าด้วยสถานการณ์แบบนั้น เมืองการปกครองแบบนั้น การคุกคามทำร้ายแบบนั้น ผมคงเลือกตัดสินใจเป็นอย่างอื่นได้ยาก และชีวิตเราทุกคน...บางครั้งการตัดสินใจ เลือกทางเดินชีวิตที่มีผลต่อเนื่องกับชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็มักจะเกิดขึ้นในวัยก่อนเบญจเพส ทั้งนั้น ใช่หรือ..ไม่..???
.
ด้วยวัยและวุฒิภาวะ ที่ยังไม่พร้อม กับการตัดสินใจขนาดนั้น แต่ต้องอย่าลืมว่า คนในวัยนั้น ขนาดของหัวใจ ของเขามักจะใหญ่เกินกว่า วัยและวุฒิภาวะ อย่างแทบจะเทียบกันไม่ได้
.
ด้วยวัยและวุฒิภาวะ ที่ยังไม่พร้อม กับการตัดสินใจขนาดนั้น แต่ต้องอย่าลืมว่า คนในวัยนั้น ขนาดของหัวใจ ของเขามักจะใหญ่เกินกว่า วัยและวุฒิภาวะ อย่างแทบจะเทียบกันไม่ได้
.
ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้น เพราะเมื่อวานผมนั่งคุยกับน้องๆเรื่องปัญหาในภาคใต้ และการปลุกระดมเยาวชนหนุ่มสาวให้เข้าไปต่อสู้ด้วยอาวุธ ในป่าเขา ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมีความเหมือนกันอย่างยิ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
.
หรือแท้ที่จริงแล้วสังคมไทยไม่ได้โตขึ้นเลย ทางการเมือง....เพราะสถานการณ์ในสามจังหวัดภาคใต้ เหมือนย้ำกับผมว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลง.ไปนั้น เป็นเพียงแค่สถานที่ ผู้คน และวันเวลา เท่านั้น แต่สาระของปัญหานั้นแทบจะยังคงเหมือนเดิม.....
...................................
หรือแท้ที่จริงแล้วสังคมไทยไม่ได้โตขึ้นเลย ทางการเมือง....เพราะสถานการณ์ในสามจังหวัดภาคใต้ เหมือนย้ำกับผมว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลง.ไปนั้น เป็นเพียงแค่สถานที่ ผู้คน และวันเวลา เท่านั้น แต่สาระของปัญหานั้นแทบจะยังคงเหมือนเดิม.....
...................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น